ประกันรถยนต์ประเภท 5 หรือที่เรียกกันว่า “2+ (2 พลัส)” และ “3+ (3 พลัส)” เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมในระดับที่น่าพอใจและมีค่าเบี้ยประกันที่สมเหตุสมผล โดยประกันประเภทนี้เป็นการผสมผสานความคุ้มครองของประกันประเภท 2 และ 3 เข้าด้วยกัน
ความแตกต่างระหว่าง 2+ และ 3+
2+ (2 พลัส):
ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน)
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกันในกรณีชนกับยานพาหนะทางบก (ต้องมีคู่กรณี)
คุ้มครองรถยนต์สูญหายและไฟไหม้
3+ (3 พลัส):
ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน)
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกันในกรณีชนกับยานพาหนะทางบก (ต้องมีคู่กรณี)
ไม่คุ้มครองรถยนต์สูญหายและไฟไหม้
ความคุ้มครองหลักของประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+ และ 3+):
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก:
คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกัน:
คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบก (ต้องมีคู่กรณี)
ความคุ้มครองเพิ่มเติม (เฉพาะ 2+):
คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้
คุ้มครองความเสียหายจากการสูญหายหรือถูกโจรกรรม
ข้อดีของประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+ และ 3+):
ค่าเบี้ยประกันสมเหตุสมผล: ถูกกว่าประกันประเภท 1 แต่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่าประกันประเภท 3
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกันในกรณีชนกับยานพาหนะทางบก: ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุ
2+ คุ้มครองรถหายและไฟไหม้เพิ่มจาก 3+
ข้อควรพิจารณา:
คุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น: หากชนสิ่งอื่น ๆ เช่น เสาไฟฟ้า กำแพง จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
เงื่อนไขความคุ้มครองอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกันภัย
สรุป:
ประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+ และ 3+) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมในระดับที่น่าพอใจ โดยมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่สูงมากนัก
ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองรถหายและไฟไหม้ ควรเลือกประกันประเภท 2+
ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่กังวลเรื่องรถหายหรือไฟไหม้ เลือก 3+